วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

หน่วยป้องกันป่ากระบี่ ตรวจสอบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติในช่องตะวันตก ม.1 ต.เขาคราม

 เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ กบ.1 (เหนือคลอง) กระบี่ สนธิกำลังร่วมกับหน่วยประสานงานป้องกันการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้จังหวัดกระบี่ เข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติในช่องตะวันตก ม.1 ต.เขาคราม อ.เมืองกระบี่ หลังชาวบ้านร้องเรียนนายทุนบุกรุกปรับพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันและยางพารากว่า 500 ไร่ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตรวจพบมีการบุกรุกแค่ 3 ไร่ ส่วนอีก 100 ไร่เคยตรวจยึดพื้นที่คืนแล้ว เมื่อปี 51 แต่ยังไม่ได้ทำลายผลอาสิน ยอมรับมีการลักลอบต่อเนื่องแต่เจ้าหน้าที่ไม่มีส่วนรู้เห็น

วันที่ 23 ก.ค.53 นายปริวัฒน์ แป้นย้อย รักษาการหัวหน้าหน่วยป้องกันและปราบปรามการทำลายทรัพยากรป่าไม้ จ.กระบี่ พร้อมด้วยนายกิตติศักดิ์ พิศพรรณ รักษาการหัวหน้าหน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ กบ.1 (เหนือคลอง) พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้จำนวน 20 นาย เข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าในช่องตะวันตกสาย3 ท้องที่หมู่ที่ 1 ต.เขาคราม อ.เมือง จ.กระบี่ ภายหลังชาวบ้านร้องเรียน ว่ามีนายทุนลักลอบเข้าทำปลูกปาล์มน้ำมัน ยางพารา และอาสินอื่นๆ รวมเนื้อที่กว่า 500 ไร่ โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทั้งที่ผู้ว่าราชการหวัดกระบี่ได้เข้าตรวจยึดพื้นที่คืนด้วยตนเองเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2553 ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อไปถึงบริเวณป่าสงวนฯ ใกล้เสาไฟฟ้าแรงสูง เป็นถนนดินแดงสองข้างทางพบต้นปาล์มขนาดใหญ่อายุประมาณ 4-5 ปี จำนวนหลายสิบต้น ห่างจากจุดดังกล่าวไปทางทิศตะวันตกประมาณ 1 กิโลเมตร ใกล้หุบเขาพบมีการปรับพื้นที่จนเตียนโล่งเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ และมีการปลูกต้นกล้าปาล์มน้ำมันจำนวนประมาณ 50-60 ต้น ระหว่างแนวต้นปาล์มก็มีการปักต้นอ้อยอยู่ทั่วบริเวณ นอกจากนั้นพบว่าร่องรอยบุกรุกใหม่ๆอีกประมาณ 3 ไร่ มีการบากโคนต้นไม้ใหญ่ๆ และราดยาฆ่าตอทิ้งไว้ ประมาณ 4-5 ต้น รวมทั้งพ่นยาฆ่าหญ้าบริเวณโดยรอบ แต่ขณะทำการตรวจสอบไม่พบตัวผู้กระทำผิดแต่อย่างใด

จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็เข้าตรวจสอบบริเวณที่มีการถอนพันธุ์ไม้ที่ปลูกไว้เมื่อวันที่24 มิถุนายน 53 พบว่าถูกลักลอบถอนออกไปบางส่วน และพบว่าป้ายประกาศยึดพื้นที่ก็ถูกรื้อถอนทิ้งไปจำนวน 1 แผ่น จากที่ปักไว้ทั้งหมด3 แผ่น เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการบันทึกไว้เป็นหลักฐาน แต่ไม่มีการทำลายผลอาสินแต่อย่างใด

นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบมีการบุกเพิ่มประมาณ 3 ไร่ ส่วนพื้นที่ที่มีการร้องเรียน เคยมีการจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว เมื่อประมาณปี 2551 ยึดพื้นที่ได้ 41 ไร่ 2งาน 35 ตารางวา และล่าสุดในวันที่5 มีนาคม ก็ยึดคืนอีก 43ไร่ 1งาน 35 ตารางวา รวมพื้นที่ยึดคืนแล้วทั้งหมดประมาณ 100 ไร่ และขณะนี้อยู่ระหว่างรอการสำรวจเพื่อออกเอกสารสิทธิ์ที่ทำกิน ให้แก่คนยากจน หรือ สทก.แต่ยังอยู่ระหว่างการสำรวจ ยังไม่มีการออกให้ราษฎร จึงทำให้อาจมีการลักลอบเข้ามาทำประโยชน์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่มีส่วนรู้เห็นแต่อย่างใด

สำหรับต้นปาล์มน้ำมันอายุประมาณ 2 ปี ที่ปลูกในเขตพื้นที่ 45 ไร่ ที่ผู้ว่าราชการเข้ายึดพื้นที่คืนเมื่อวันที่5 มีนาคมนั้น เจ้าหน้าที่รายเดิมระบุว่า เป็นต้นปาล์มที่ยึดแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำลาย จึงทำให้ต้นปาล์มน้ำมันโตขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

ขอบคุณ...ผู้จัดการ ออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นทั่วไป