วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ส.ส.กระบี่จี้ ก.อุตฯ ทบทวนสัมปทานระเบิดหินเขาหน้าวังหมี


จากกรณีที่มีการค้นพบวัตถุโบราณที่เป็นสิ่งของเครื่องใช้เช่น หม้อสามขา หม้อลายเชือกทาบ รวมทั้งขวานหิน ที่เขาโต๊ะช่อง เขาหน้าสังเวียน หมู่ที่ 2 และหมู่ที่ 3 ต.ทับปริก อ.เมืองกระบี่ ซึ่งในพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเทือกเขาหน้าวังหมี ที่มีการเปิดสัมปทานระเบิดหินของบริษัทนายเหมืองจำกัด และนักโบราณคดีระบุว่าเป็นพื้นที่โบราณสถาน โบราณวัตถุ มีอายุมากกว่า 2-6 พันปี สมควรให้มีการหยุดการระเบิดหิน ซึ่งต่อมามื่อวันที่ 29 มิถุนายน 53 นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้ส่งหนังสือให้ทางกระทรวงอุตสาหกรรม และกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่พิจารณาทบทวนการระเบิดหิน ขณะที่ชาวต่างชาติให้ความสำคัญจัดตั้งว็บไซต์ www.soskrabi.com เพื่อให้ข้อมูลเงื่อนงำต่างๆ ที่เกิดขึ้น รวมทั้งต้องการอนุรักษ์พื้นที่บริเวณดังกล่าวตามที่เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องนั้น

นายสาคร เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สำหรับการติดตามความคืบหน้าการออกประทานบัตรสัมปทานเขาหน้าวังหมี ต.ทับปริก ขณะนี้ตนได้เดินทางเข้าพบกับเลขานุการรัฐมนตรีว่ากระทรวงวัฒนธรรม เพื่อหารือถึงกรณีที่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งทางเลขานุการฯ แจ้งว่า ให้ตนทำหนังสือเป็นทางการเพื่อทางกระทรวงวัฒนธรรมจะได้ให้เจ้าหน้าที่นักโบราณคดีลงมาตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง แต่พื้นที่ดังกล่าวทราบว่าได้มีการชี้ชัดไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งผู้ที่ลงนามก็คืออธิบดีกรมศิลปากร ซึ่งได้ผ่านมติความเห็นขอบและการศึกษาจากคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติแล้วด้วย

ดังนั้น คณะกรรมการที่จะลงมาตรวจสอบครั้งใหม่จะทำหน้าที่ในการตรวจสอบว่าจะขึ้นทะเบียนหรือไม่ เพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อพื้นที่ดังกล่าว นอกจากนั้นตนยังได้เดินทางไปที่กระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งทางผู้เกี่ยวข้องแจ้งว่าให้ตนทำหนังสือแจ้งถึงรัฐมนตรีเพื่อจะได้มีการทบทวนอย่างเป็นทางการด้วย ซึ่งขณะนี้ตนอยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสารเพื่อยื่นให้ทั้ง 2 กระทรวง

นายสาครยังกล่าวอีกว่า นอกจากนั้นตนทราบว่าล่าสุดนี้จังหวัดกระบี่ได้ทำหนังสือถึงกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้เกี่ยวข้องถึงการระเบิดหินที่มีการยืนยันว่าเป็นแหล่งโบราณแล้ว เพื่อให้ทบทวนแล้วก็ถือเป็นเรื่องที่ดี และตนก็จะตามเรื่องนี้ให้ด้วย แต่ทั้งนี้สิ่งที่อยากจะให้จังหวัดได้พิจารณาก็คือ ทำไมเอกสารของกรมศิลปากรที่ส่งถึงจังหวัดหรือผู้เกี่ยวข้อง แจ้งยืนยันว่าเป็นแหล่งโบราณสถาน โบราณวัตถุ กลับไม่มีการพิจารณาครั้งแรก ซึ่งได้ส่งไปตั้งแต่ปี 2551 และปี 2552 หรือก่อนหน้านั้น ซึ่งทราบว่าเมื่อครั้งยื่นขอประทานบัตรก็เคยส่งไปแล้วเมื่อปี 2539 ด้วย ซึ่งเรื่องนี้ควรมีการตรวจสอบว่าไปตกหล่นอยู่ตรงจุดใด อย่างไร

ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่ตนทำไปนั้นเพื่อให้เกิดความกระจ่าง และเป็นประโยชน์ต่อคนกระบี่ ซึ่งขณะนี้เองจังหวัดก็ยอมรับว่าเป็นแหล่งโบราณที่มีการยืนยันจากกรมศิลปากร เมื่อมีการลงไปตรวจสอบแต่กลับพบความเสียหายของพื้นที่หนักหนาเกินกว่าจะให้กลับมาได้ ถามว่าใครจะรับผิดชอบ เพราะสิ่งที่หายไปนั้นเป็นความเป็นมาของมนุษยชาติยุคหลายพันปี ซึ่งมีคุณค่ามากมายมหาศาล สิ่งเหล่านี้อาจหมดไปหากยังดำเนินการระเบิดต่อไป แต่หากตรวจสอบแล้วไม่มีคุณค่าก็จะได้ยุติการคัดค้านปล่อยให้ผู้ประกอบการดำเนินการต่อ ซึ่งก็เป็นธรรมแก่ทั้ง 2 ฝ่าย

ขอบคุณ...Krabi United.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นทั่วไป