นายมานิต ดำกุล นายกสมาคมประมงจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า มาตรการปิดอ่าวในช่วงเดือนเมษายน – มิถุนายน ของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงฤดูปลาวางไข่ และได้ดำเนินการมาร่วม 7 ปี ส่งผลให้มีทรัพยากรสัตว์น้ำเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์น้ำที่ใกล้จะสูญพันธุ์ เช่น ปลาหลุมพุก ปลาช่องทะเล กลับมีให้เห็นมากขึ้น รวมทั้งปลาดุกทะเลที่พบได้ตามลำคลองเล็ก ๆ แต่ในช่วงปีสองปีแรก ชาวประมงกลับไม่ค่อยให้ความสนใจและให้ความร่วมมือกับการปิดอ่าว ได้มีการแอบลักลอบจับสัตว์น้ำด้วยอุปกรณ์ที่ผิดกฎหมาย แต่หลังจากที่มีผลผลิตเพิ่มขึ้นก็ทำให้ชาวประมงเริ่มพอใจ และหันมาให้ความร่วมมือกับการปิดอ่าว และปกป้องการกระทำที่ผิดกฎหมายอย่างจริงจัง และผลของการปิดอ่าวทำให้มีผลผลิตเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่น ที่เกาะลันตา ที่พบว่ามีสัตว์น้ำเพิ่มขึ้น และในช่วงตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน – มีนาคม เป็นช่วงที่ชาวประมงจับสัตว์น้ำได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งถือว่าเป็นผลสำเร็จ และไม่แต่เฉพาะที่จังหวัดกระบี่ แต่สามารถกระจายไปยังจังหวัดข้างเคียง เช่น พังงา ภูเก็ต ตรัง และสตูล ซี่งสัตว์น้ำที่พบมีจำนวนเพิ่มขึ้นผิดปกติก็คือปลาทู รวมทั้งปลาเบญจพรรณอื่น ๆ นายกสมาคมประมงจังหวัดกระบี่ กล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาเรื่องของการแอบลักลอบเข้ามาจับปลาในช่วงปิดอ่าวในปีที่ผ่านมาผู้ประกอบอาชีพชาวประมง ให้ความร่วมมือกับกลุ่มประมงพื้นบ้าน และเรือประมงในจังหวัดกระบี่ ที่พร้อมใจกันไล่ล่าผู้ที่แอบเข้ามาลักลอบจับสัตว์น้ำ ทั้งในช่วงฤดูปิดอ่าว และการนำอุปกรณ์ที่ต้องห้ามมาจับปลา และสำหรับในปีนี้ซึ่งกรมประมงได้กำหนดปิดอ่าวฝั่งทะเลอันดามัน มีกำหนด 3 เดือน คือ วันที่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน จึงขอความร่วมมือจากชาวประมงในการใช้เครื่องมือทำการประมงบางประเภทที่ห้ามทำการประมง และหากฝ่าฝืนมีบทลงโทษปรับตั้งแต่ 5,000 – 10,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ และจะมีการริบเครื่องมือทำการประมงด้วย
ข้อมูลจาก :: วาสนา บัวทอง สวท กระบี่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นทั่วไป