วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

น้ำทะเลร้อนทำหอยชาวบ้านตายกว่า 100 ตัน


เมื่อวันที่ 24 พ.ค.53 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวประมงเลี้ยงหอยแมลงภู่ ที่บริเวณปากแม่น้ำกระบี่ หมู่ที่ 7 ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ ว่า หอยที่เลี้ยงไว้ทยอยตายเป็นจำนวนมาก โดยสภาพหอยที่ตายจะมีลักษณะเปลือกหอยสีกลายเป็นน้ำตาลไหม้ ฝาหอยเปิดอ้าออกมา และเนื้อหอยจะลีบ แต่ไม่พบว่ามีเชื้อพยาธิแต่อย่างใด จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบว่ากระชังหอยของชาวประมงเลี้ยงอยู่กลางแม่น้ำกระบี่

พบ นางกาญจนาพร ไมตรีจร อายุ 36 ปี เจ้าของกระชังหอยแมลงภู่ กล่าวว่า ตนนำลูกหอยมาเลี้ยงในกระชังเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 53 จำนวน 250 เส้น ราคาประมาณ 1 หมื่นกว่าบาท พอถึงกลางเดือนเมษายน ก็พบว่า หอยเริ่มตายลงเรื่อยๆ ตอนนี้ตายไปประมาณ 40-50% เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ประมงจังหวัดเข้ามาตรวจสอบแล้ว แต่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด คาดว่า เกิดจากน้ำทะเลร้อนจัดโดยเฉพาะช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม

นายสมชาย แสงสุข อายุ 42 ปี เจ้าของกระชังหอยแมลงภู่อีกรายหนึ่ง กล่าวว่า ปีนี้ลงทุนเลี้ยงหอยแมลงภู่จำนวน 9,000 เส้น รวมกว่า 2 แสนบาท โดยเริ่มนำพันธุ์หอยมาเลี้ยงตั้งแต่เดือนมกราคม 53 แต่พอถึงช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา พบว่า หอยที่เลี้ยงไว้ทยอยตายลงเรื่อยๆ รวมแล้วกว่า 100 ตัน คาดว่า น่าจะเกิดจากน้ำทะเลร้อนสูงกว่าปกติ ทำให้หอยปรับสภาพไม่ทัน และตายลงในที่สุด และในปีที่ผ่านมาก็เจอโรคพยาธิตายไปกว่า 200 ตัน

โดยในปีที่ผ่านมา ก็เกิดโรคระบาด เกิดพยาธิในตัวหอย ทำให้หอยตายไปจำนวนมากเช่นกัน ขาดทุนไปประมาณ 4 หมื่นบาท ซึ่งขณะก็ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ อย่างไรก็ตามปีนี้หอยแมลงภู่ขาดตลาด ทำให้มีความต้องการสูง จึงมีราคาดีกว่าปีที่ผ่านมา ตกกิโลละ 35-40 บาท หากหอยที่เลี้ยงไว้ไม่ตายจนอายุครบ 6 เดือน ตามกำหนดก็จะขายได้ราคาดี

ข้อมูลข่าวจาก : ASTV ผู้จัดการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นทั่วไป