วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2554

กระบี่ร่วมภาคีทุกภาคส่วนสร้างหัวใจใหม่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

จังหวัดกระบี่ร่วมภาคีกับมูลนิธิเอ็นไลฟ สมาคมเรือพายแห่งประเทศไทยและชาวกระบี่ทุกภาคส่วน ทั้งภาคประชาชน ภาคธุรกิจ และภาครัฐ เปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในโครงการ รักกระบี่ รักษ์ธรรมชาติผ่านกิจกรรมการแข่งขันซีคยัคนานาชาติ กระบี่ เอ็นไลฟ์ 2011 และกิจกรรมปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์ฟื้นฟูธรรมชาติ และวิถีชีวิตชุมชน       
       
นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า จังหวัดกระบี่ มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามติดอันดับโลก บริเวณด้านตะวันตกมีลักษณะเป็นชายฝั่งติดกับทะเลอันดามันยาวประมาณ 160 กิโลเมตร ประกอบด้วยหมู่เกาะน้อยใหญ่จำนวน 154 เกาะ ด้วยเหตุนี้การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างยั่งยืนจึงเป็นหัวใจสำคัญที่ กำหนดให้เป็นยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาและฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติเชิงอนุรักษ์ อย่างยั่งยืน
      
       นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่าโครงการรักกระบี่ รักธรรมชาติ เกิดขึ้นจากการรวมพลังของภาคีทุกภาคส่วน ด้วยเจตนารมณ์ที่สอดคล้องกัน โดยมูลนิธิเอ็นไลฟ ซึ่งได้ดำเนินการก่อตั้งมาเพื่อวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมกิจกรรมการท่อง เที่ยวในเชิงอนุรักษ์ ฟื้นฟู ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ส่วนสมาคมเรือพายแห่งประเทศไทย ได้มีภารกิจในการส่งเสริมและเผยแพร่การแข่งขันกีฬาเรือพายในงานมหกรรมกีฬา ต่างๆ ของชาติ และเผยแพร่ความรู้ ในทางวิชาการเกี่ยวกับเรือพายให้ผู้ที่สนใจ กิจกรรมแรกของโครงการ นี้คือ การแข่งขันซีคยัคนานาชาติ จังหวัดกระบี่ 2554 รักกระบี่ รักษ์ธรรมชาติซึ่งตั้งเป้าจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2554 นี้ เป็นปีแรก จัดระหว่างวันที่ 28-30 ตุลาคม 2554”
      
       การแข่งขันแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ประเภทมืออาชีพนานาชาติ ประเภทเยาวชนทั่วไป และประเภทนันทนาการ (ท่องเที่ยว) โดยประเภทการแข่งขันมืออาชีพนานาชาติ เป็นเรือประเภทเซิฟสกี ระยะทาง 22 กิโลเมตร ประเภทเยาวชนทั่วไป เป็นเรือประเภทซีคยัค แบ่งเป็นประเภทฝีพายเดี่ยวทั่วไป ชาย-หญิง และเรือซีคยัคฝีพายเดี่ยว เยาวชนชาย-หญิง ระยะทาง 13 กิโลเมตร ประเภทการแข่งขันนันทนาการ ใช้เรือซีคยัคฝีพายคู่ชาย-หญิง นันทนาการ ระยะทาง 5 กิโลเมตร
      
       นอกจากนี้ได้จัดกิจกรรมเพื่อร่วมปลุกจิตสำนึกในการรักษาและความ สมบูรณ์ของธรรมชาติอย่างยั่งยืน โดยการพายเรือคยัคสำรวจธรรมชาติ และวิถีชีวิตชุมชน บริเวณ แหลมพระนาง เกาะกลาง และเขาขนาบน้ำ เพื่อตอกย้ำการรับรู้และการสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ธรรมชาติ การเรียนรู้วิถีชีวิตชุมชนอย่างสร้างสรรค์ ให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยใช้เรือคยัคในการทำกิจกรรมเพราะไม่ทำลายธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งเป็นการยกระดับคุณภาพการท่องเที่ยวทางทะเลเชิงอนุรักษ์และส่งเสริมการ เรียนรู้ความเข้าใจวิถีชุมชนซึ่งมีวัฒนธรรมที่น่าเรียนรู้และสืบทอด ซึ่งสอดคล้องกับการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนตามนโยบายของการท่อง เที่ยวแห่งประเทศไทยที่รณรงค์และสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ในการสร้างจิตสำนึก สร้างสรรค์ความเข้าใจและเรียนรู้ในธรรมชาติและวิถีชีวิตอย่างยั่งยืนเช่น เดียวกัน
      
       พลเรือเอก นิพนธ์ จักษุดุลย์ นายกสมาคมเรือพายแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับการจัดการแข่งขันครั้งนี้ สมาคมเรือพายได้เข้ามารับผิดชอบในเรื่องเทคนิคกีฬา โดยได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ของสมาคมฯ มาร่วมดำเนินการจัดการแข่งขัน รวมทั้งเชิญกรรมการสหพันธ์ชาวไทย มาเป็นผู้ตัดสิน ทั้งนี้เพื่อยกระดับมาตรฐานการจัดการแข่งขัน นอกจากนี้ยังได้ผลักดันให้เกิดการสร้างนักกีฬาเรือพายใน จ.กระบี่ โดยได้ส่งผู้ฝึกสอนมาฝึกสอนให้กับบุคลากร นักเรียน นักศึกษา ในจังหวัดกระบี่ โดยคาดหวังว่าโอกาสข้างหน้าจะมีลูกหลานชาวจังหวัดกรี่ก้าวไปเป็นนักฬาเรือ พายทีมชาติไทยและสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดต่อไปในอนาคต
      
       นายวิเชียร พงศธร รองประธานกรรมการมูลนิธิเอ็นไลฟ กล่าวว่าการแข่งขันซีคยัคนานาชาติ กระบี่ เอ็นไลฟ์ 2011 เป็นกิจกรรมภายใต้โครงการรักกระบี่ รักษ์ธรรมชาตินั้น เป็นการรวมพลังความร่วมมือของคนกระบี่ เพื่อสร้างเครือข่ายในการสร้างความเข้าใจเรื่องการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ให้มีความเข้มแข็ง ดุจดังจากต้นกล้าเติบโตเป็นไม้ใหญ่ และมีรากแก้วที่แข็งแรง มูลนิธิเอ็นไลฟ เชื่อว่าทรัพยากรธรรมชาติ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ถือเป็นสมบัติของประชากรทุกคนในโลก เราได้เรียนรู้จากประวัติศาสตร์ และประสบการณ์ ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ การเปลี่ยนแปลงของโลกหรือสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น จะส่งผลเกี่ยวเนื่อง กับระบบนิเวศน์และมีผลกระทบต่อทุกชีวิตบนโลก ดังนั้น ทุกๆ คนก็สามารถมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกลก็ตาม โดยเลือกในสิ่งที่ตนรู้สึกรักและหวงแหนและสามารถกระทำได้ในวิธีที่ตนถนัด
      
       จังหวัดกระบี่มีความโดดเด่นและเพียบพร้อมเรื่องการท่อง เที่ยวแบบธรรมชาติ โดยไม่ต้องไปลงทุนสร้าง เป็นเพราะธรรมชาติให้มา เมื่อเขาให้มาเราก็ต้องรู้คุณค่า เมื่อรู้คุณค่าเราก็อยากรักษา และก่อนที่จะรู้คุณค่าก็ต้องมีความเข้าใจเสียก่อน อย่างเช่น ป่าโกงกาง เป็นแหล่งเรียนรู้ ทำความเข้าใจธรรมชาติได้เป็นอย่างดีว่าระบบนิเวศของป่าโกงกางมีความโยงใย พึ่งพาซึ่งกัน ซึ่งหากเราท่องเที่ยวด้วยเรือคยัค ไปได้ไม่รวดเร็ว แต่มีความสงบร่มเย็น เราจะสามารถเก็บเกี่ยวความรู้ และซึมซับธรรมชาติระบบนิเวศของป่าโกงกางได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะส่งผลให้มองการท่องเที่ยวด้วยหัวใจใหม่ๆ และนำไปสู่การรู้คุณค่าของธรรมชาติในทุกๆ ที่ไปเราเดินทางไปถึง
ข้อมูลจาก...ผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นทั่วไป