วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

อุทยานฯ เตรียมไล่นายทุนพ้นเกาะปอดะ จ.กระบี่


อุทยานหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เตรียมขับไล่นายทุนเรียกเก็บเงินนักท่องเที่ยวพ้นเกาะปอดะ หลังศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุธรณ์ ให้เอกชนแพ้คดี
          กรณีที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติได้ร้องเรียนไปที่สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ เรียกร้องให้อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ตรวจสอบกรณีมีกลุ่มบุคคลของเอกชนรายหนึ่งที่ครอบครองเกาะปอดะ เรียกเก็บค่าขึ้นเกาะจากนักท่องเที่ยวคนละ 20 บาท อ้างว่าเป็นเกาะส่วนตัว ซึ่งเป็นการเก็บซ้ำซ้อนกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ แม้ว่าเกาะดังกล่าวเมื่อเดือนธันวาคม 2554 ศาลฎีกาได้พิพากษาให้เอกชนรายนี้ออกจากพื้นที่ และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
      
       ล่าสุด วันที่ 5 ก.พ.56 นายไชธัช บุญภูมพันตันติ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เปิดเผยว่า กรณีคดีเกาะปอดะ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ ที่กำลังเป็นข่าวมีเอกชนเรียกเก็บเงินจากนักท่องเที่ยว โดยอ้างว่าเป็นเกาะส่วนตัวนั้น โดยข้อเท็จจริงที่ผ่านมาเมื่อปี 2536 อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ได้แจ้งความดำเนินคดีกับเอกชนรายหนึ่งในข้อหาบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ และเมื่อเข้าสู่ชั้นศาล ทางผู้ครอบครองได้อ้างสิทธิว่ามีเอกสารสิทธิ เป็น น.ส.3 ก. รวม 4 แปลง เนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ จึงได้มีการต่อสู้กันในชั้นศาล จนถึงศาลฎีกา
      
       และเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2554 ศาลฎีกาได้พิพากษาให้เอกชนรายนี้แพ้คดี ให้ออกจากพื้นที่พร้อมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง และให้กรมที่ดินเพิกถอนเอกสาร น.ส.3 ก.ทุกแปลง แต่ขณะนี้พบว่าเอกชนรายดังกล่าวไม่ยอมออกจากพื้นที่ ยังมีการทำประโยชน์ในพื้นที่อยู่ ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะส่งเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เข้าตรวจสอบหากพบว่ายังมีการเรียกเก็บเงิน หรือทำประโยชน์ในพื้นก็จะจับกุมบุคคลที่เรียกเก็บเงินนักท่องเที่ยว
      
       นายไชธัช กล่าวอีกว่า ขณะนี้ทางอุทยานฯ ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังกรมที่ดิน และทางกรมที่ดินได้แจ้งไปยังเอกชนรายดังกล่าว เพื่อให้นำเอกสาร น.ส.3 ก.ทั้ง 4 ฉบับ เพื่อมาทำการเพิกถอน แต่ไม่ได้รับการตอบรับจากเอกชนรายนี้ ซึ่งหลังจากนี้ทางกรมที่ดินก็จะดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อเพิกถอน เพราะถือว่าคดีถึงที่สุดแล้ว ในส่วนของอุทยานฯ นั้น หลังจากนี้ก็ต้องเข้าไปจัดการกับบุคคลที่เรียกเก็บเงิน ส่วนสิ่งปลูกสร้างก็จะประกาศรื้อถอนตาม พ.ร.บ.อุทยานฯ มาตรา 22 โดยจะให้เอกชนเป็นผู้รื้อ แต่หากเอกชนไม่ยอมรื้อ ทางอุทยานฯ ก็จะเข้าไปจัดการเอง โดยเอกชนเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายในการรื้อถอน
ข้อมูลจาก.. ASTV Manager ภาคใต้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นทั่วไป