วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2556

คนร้ายบุกแทงพี่ชายทนายชื่อดังเมืองกระบี่ ดับคาบังกะโล




คนร้ายบุกแทงคอพี่ชายทนายชื่อดังเสียชีวิตในบังกะโลริมเขา อ.เมืองกระบี่ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดคนร้ายรู้จักกับผู้ตาย และเข้ามาตอนกลางดึก ก่อนลงมือสังหารแล้วหลบหนี ด้านตำรวจเร่งติดตามหาเบาะแสคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
      
       เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 ส.ค.56  พ.ต.ท.นพดล มุกดา พนักงานสอบสวน (สบ 3) สภ.เมืองกระบี่ พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดกระบี่ แพทย์เวรโรงพยาบาลกระบี่ พร้อมหน่วยกู้ภัยมูลนิธิกระบี่พิทักษ์ประชา เข้าชันสูตรศพ นายสมมาตร แสนยาพันธ์ อายุ 62 ปี ผู้จัดการดูแลบังกะโลริมเขา เลขที่ 71 ถนนละงู ต.กระบี่ใหญ่ อ.เมืองกระบี่ หลังรับแจ้งเหตุพบศพนอนเสียชีวิตภายในสำนักงานต้อนรับของบังกะโลดังกล่าว
      
       ที่เกิดเหตุพบสภาพศพของ นายสมมาตร แสนยาพันธ์ นอนคว่ำหน้าจมกองเลือดบนเสื่อกลางห้อง คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง จากการตรวจสอบตามร่างกายมีบาดแผลถูกแทงด้วยของมีคมที่ลำคอด้านซ้าย ยาวประมาณ 3 เซนติเมตร เลือดไหลกระเซ็นตามพื้นที่ห้อง และที่ประตู นอกจากนี้ ยังพบร่องรอยของการต่อสู้ ซึ่งพัดลมตั้งโต๊ะล้มกองกับพื้นหน้าประตู เบื้องต้นยังไม่ทราบว่ามีทรัพย์สินสูญหายหรือไม่
      
       จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุขณะผู้ตายได้นั่งอยู่ภายในห้อง ซึ่งเป็นจุดที่ใช้ในการต้อนรับผู้เข้าพักช่วงกลางดึกคืนที่ผ่านมา คาดว่าคนร้ายที่รู้จักกับผู้ตายได้เข้ามาทางประตูด้านข้าง จากนั้นได้เข้ามาพูดคุยเพื่อตกลงอะไรบางอย่าง แต่อาจจะมีปากเสียงกันจนทำให้คนร้ายไม่พอใจ ใช้อาวุธมีดแทงเข้าที่ลำคอผู้ตาย 1 แผลแล้วล้มลง ก่อนหลบหนีไปทางประตูเดิม ส่วนผู้ตายหลังถูกแทงพยายามกระเสือกกระสนขอความช่วยเหลือแต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา จากนั้นเจ้าของบังกะโลได้มาพบในช่วงเช้าจึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
      
       เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด ซึ่งทราบเพียงว่า นายสมมาตร ผู้ตายเป็นพี่ชายของทนายความคนหนึ่งในเมืองกระบี่ และมารับดูแลบังกะโลดังกล่าวให้ คาดว่าน่าจะมีความขัดแย้งส่วนตัว เพราะไม่มีทรัพย์สินสูญหาย ขณะที่ชุดสืบสวนได้ออกสืบหาข่าวชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงติดตามเบาะแสตัวคนร้าย แต่ยังไร้วี่แวว พร้อมตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุแต่ไม่ยังสามารถเปิดได้ จึงต้องประสานช่างที่เข้ามาติดตั้งเปิดให้อีกครั้งเพื่อเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป


ข้อมูลจาก.. ASTV Manager ภาคใต้

วันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2556

โวย! พม.กระบี่จ่ายเงินกู้กองทุนคนพิการแต่ยังมียอดค้าง คาด จนท.โกง



นายกสมาคมคนตาบอด จ.กระบี่ เผยผ่อนชำระเงินเงินกู้กองทุนส่งเสริมและพัฒนาอาชีพคนพิการครบแล้ว แต่กลับมียอดค้างชำระ ด้านพัฒนาสังคมฯ จ.กระบี่ รับลูกตั้งกรรมการสอบ เผยมียอดเงินคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงกว่า 1.8 ล้านบาท คาดเจ้าหน้าที่เอี่ยวโกง
      
       วันที่ 1 ส.ค.56 ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจาก นายสมศักดิ์ สำหนาว นายกสมาคมคนตาบอดจังหวัดกระบี่ และประธานสภาคนพิการทุกประเภทจังหวัดกระบี่ ว่า ขณะนี้สมาชิกสภาคนพิการในพื้นที่จังหวัดกระบี่หลายรายที่กู้เงินกองทุนส่งเสริมและพัฒนาอาชีพคนพิการ ประสบความเดือดร้อนหลังผ่อนชำระเงินกู้ครบแล้ว แต่ไม่สามารถไปกู้ในครั้งต่อไปได้ เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่ายังค้างชำระเงินอยู่ทั้งที่จ่ายเงินครบแล้ว
      
       “ตนก็เป็นคนหนึ่งที่ประสบปัญหาดังกล่าวหลังผ่อนชำระครบทุกงวด แต่ยังมีหนี้ค้างอีกประมาณ 3 พันบาท ทั้งนี้ ยืนยันต่อเจ้าหน้าที่ไปแล้วว่า ผ่อนชำระครบแล้ว โดยชำระผ่านทางธนาคาร รวมทั้งเจ้าหน้าที่การเงินของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แต่ไม่มีหลักฐานใดๆ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้เรียกสมุดบัญชีคืนไปก่อนหน้านี้ ซึ่งในส่วนของตนนั้นก็ไม่สามารถที่จะเก็บเอกสารหลักฐานอะไรได้เนื่องจากพิการตาบอดมองอะไรไม่เห็นนายสมศักดิ์ กล่าวและว่า
      
       ล่าสุด ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าของตนจ่ายครบแล้ว ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร นอกจากนี้ทราบว่า มีคนพิการอยู่รายหนึ่งในท้องที่อำเภอคลองท่อม ชื่อนายสมพร ปานสิทธิ์ มีรายชื่อกู้เงินในปี 2549 แต่ไม่เคยได้เงิน อยู่ๆ กลับมีใบแจ้งหนี้ค้างชำระ 33,500 บาท หลังจากนี้ตนก็จะเข้าปรึกษากับหัวหน้าสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อตรวจสอบและเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้แก่คนพิการต่อไป
      
       ด้าน นายมานิตย์ มณีธรรม พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า เรื่องที่นายกสมาคมคนตาบอดร้องเรียนมานั้น ตนได้รับทราบเรื่องแล้ว ภายหลังจากที่ตนย้ายมาดำรงตำแหน่งที่จังหวัดกระบี่ ได้ประมาณ 3 เดือน ซึ่งขณะนี้ได้แจ้งให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดรับทราบแล้ว และอยู่ในขั้นตอนของการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีการทุจริตเงินกองทุนคนพิการหรือไม่
      
       โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เหตุเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2540 มีสมาชิกกู้เงินกองทุนฯ จำนวน 505 ราย และพบความผิดปกติ เช่น มีเงินชำระที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง หรือคลาดเคลื่อนไปจากจำนวนที่ผ่อนชำระกว่า 1.8 ล้านบาท คาดว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นภายในองค์กรอย่างแน่นอน แต่ทั้งนี้ต้องผลการสอบของคณะกรรมการที่ชัดเจนก่อน จึงสามารถชี้จัดได้ว่ามีการทุจริตหรือไม่


ข้อมูลจาก.. ASTV Manager ภาคใต้

วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ตามนัด! เครือข่ายสวนยางกระบี่บุกศาลากลางร้องภาครัฐแก้ไขราคาตกต่ำ



 เครือข่ายชาวสวนยางพาราจังหวัดกระบี่ เดือดร้อนราคายางฯ บุกศาลากลางยื่นหนังสือถึง ผวจ.กระบี่ ช่วยเหลือ หลังราคายางพารามีแนวโน้มตกต่ำอย่างต่อเนื่อง พร้อมให้เวลา 15 วันดำเนินการ หากยังไม่ได้การแก้ไข เตรียมยกระดับการชุมนุม
      
       เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 24 ก.ค.56 นายวิรัตน์ แก้วสร ประธานเครือข่ายชาวสวนยางพาราจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยสมาชิกประมาณ 200 คน ได้เดินทางมารวมตัวกันที่หน้าศาลากลางจังหวัดกระบี่ เพื่อยื่นหนังสือถึงรัฐบาลขอให้ช่วยแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำ ผ่านนายประสิทธิ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ หลังราคายางพาราตกต่ำมานานโดยไม่ได้รับการช่วยเหลือแก้ไข โดยมี นายสมาน แสงสะอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ออกมารับหนังสือแทน พร้อมจะส่งหนังสือถึงรัฐบาลให้ช่วยแก้ไขปัญหาต่อไป
      
       นายวิรัตน์ แก้วสร ประธานเครือข่ายชาวสวนยางพาราจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนเรื่องราคายางพาราตกต่ำมาเป็นระยะเวลายาวนาน รัฐบาลไม่ยอมช่วยเหลือแก้ปัญหาให้แก่เกษตรกรแต่อย่างได และขณะนี้ทราบว่า ราคายางพาราก็มีแนวโน้มว่าจะลดราคาต่ำลงเรื่อยๆ ทางคณะกรรมการเครือข่ายจังหวัดกระบี่ และทางคณะกรรมการเครือข่ายชาวสวนยางพาราแห่งประเทศ ได้ดำเนินการประชุมร่วมกัน และในที่ประชุมได้มีมติออกมาว่า ให้รัฐบาลยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางพาราทั่วประเทศที่ได้รับความเดือดร้อนอยู่ในจำนวน 61 จังหวัด
      
       ส่วนการยื่นหนังสือในวันนี้ ทุกจังหวัดได้เรียกร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลในมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด ซึ่งกำหนดราคายางพารา 4 ข้อ คือ ราคายางแผ่นรมควัน ชั้น 3 ให้อยู่ในราคา กิโลกรัมละ 101 บาท ราคายางแผ่นดิบคุณภาพ 3 กิโลกรัมละ 92 บาท ราคาน้ำยางสด กิโลกรัมละ 81 บาท และราคายางก้อนถ้วย 100 เปอร์เซ็นต์ กิโลกรัมละ 83 บาท และทางเครือข่ายได้มีมติร่วมกันว่า ถ้าหากไม่ได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลในเรื่องนี้ภายใน 15 วัน ทางเครือข่ายเกษตรกรทุกจังหวัดจะร่วมชุมนุมพร้อมๆ กัน ซึ่งวันนี้เรามาเพียงที่จะยื่นหนังสือเท่านั้น แต่ต่อไปก็จะยกระดับการชุมนุมขึ้นเรื่อยๆ
      
       ด้าน นายสมาน แสงสะอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า จากกรณีที่เกษตรกรชาวสวนยางพาราได้รับความเดือดร้อน และได้เดินทางมาที่จังหวัด ทางจังหวัดก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เสนอเรื่องที่เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนไปยังรัฐบาลได้รับทราบทุกครั้ง และในวันนี้ก็เช่นกัน ซึ่งมีทั้งพาณิชย์จังหวัด เกษตรจังหวัด มาร่วมรับทราบปัญหา และจะเสนอเรื่องไปยังกระทรวงที่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบได้รับทราบ


ข้อมูลจาก.. ASTV Manager ภาคใต้

วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ป่าไม้กระบี่ตรวจยึดไม้หวงห้ามถูกลักลอบตัดมูลค่านับแสนบาท



 เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและรักษาป่าจังหวัดกระบี่ เข้าตรวจยึดไม้หวงห้าม หลังจากชาวบ้านแจ้งมีคนลักลอบตัดไม้ในป่าชุมชนทุ่งสูง ต.เขาใหญ่ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ จำนวนมาก ทั้งไม้ยูง ไม้ยาง ไม้พะยอม ไม้กระบาก รวมมูลค่านับแสนบาท 
                เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 17 ก.ค.56 นายกฤษดา สุตนพัฒน์ หัวหน้าหน่วยป้องกัน และรักษาป่าที่ กบ.5 (ปลายพระยา) พร้อมเจ้าหน้าที่ และชาวบ้านได้เข้าตรวจยึดไม้หวงห้าม ประกอบด้วย ไม้กระบาก ยาว15.8 เมตร จำนวน 1 ต้น ไม้พะยอม ยาว 19.5 เมตร จำนวน 1 ต้น ซึ่งพบในบริเวณป่าชุมชนทุ่งสูง ม.4 ต.เขาใหญ่ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ และไม้ยูง ยาว 1.35 เมตร จำนวน 12 ท่อน ไม้ยาง ยาว 10 เมตร 1 ท่อน และยาว 7 เมตร 1 ท่อน ถูกลากมาทิ้งไว้ในบริเวณสวนปาล์มน้ำมัน ห่างจากป่าทุ่งสูง ประมาณ 500 เมตร หลังรับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีคนลักลอบตัดไม้ในพื้นที่ดังกล่าว
          โดยก่อนการตรวจยึดในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในชุมชนทุ่งสูง ม.4 ต.เขาใหญ่ ว่า ได้มีนายทุนเข้าลักลอบทำการตัดไม้ในป่าชุมชนทุ่งสูง ซึ่งเป็นป่าชุมชนที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่สุดของจังหวัดกระบี่ และได้รับรางวัลป่าชุมชนดีเด่นของภาคใต้เมื่อปี 54 ชาวบ้านจึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบ ในเบื้องต้นพบว่า ไม้ทั้งหมดเป็นไม้ที่อยู่ในบริเวณป่าชุมชนทุ่งสูง และเป็นไม้หวงห้าม แต่ขณะตรวจสอบพบเพียงต้นพะยอม และต้นกระบาก ถูกตัดโค่นใหม่ๆบริเวณช่วงปลายไม้มีโซ่เลื่อยติดอยู่ในเนื้อไม้ คาดว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีไปก่อนที่จ้าหน้าที่จะเข้าไป จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาทำไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต จากเจ้าพนักงาน และตัดไม้ในเขตหวงห้ามโดยผิดกฎหมาย และติดตามจับกุมคนที่ลักลอบตัดไม้ต่อไป
          จากการสอบถาม นายอาดูร ขาวสะอาด อายุ 65 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ทราบว่า ขณะชาวบ้านเข้าตรวจสอบในป่าทุ่งสูง พบไม้ถูกตัดโค่นจำนวนหลายต้น จึงได้แจ้งไปยังประธานชุมชน คือ นายมนตรี ขาวสะอาด กำนันตำบลเขาใหญ่ ประธานป่าชุมชนทุ่งสูง ทราบว่า ไม้ที่ตัดไปนั้นเพื่อให้ชาวบ้านคนหนึ่งนำไปซ่อมแซมบ้าน แต่เป็นบุคคลที่ขาดคุณสมบัติเพราะมีฐานะดี และตัดไม้ใหญ่จำนวนมากเกินความจำเป็น ทั้งนี้ ก่อนเข้าไปโค่นไม้ก็ไม่ได้เข้าที่ประชุมของคณะกรรมการป่าชุมชน และยังไม่ได้ขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เพราะเป็นไม้ที่ชาวบ้านในชุมชนช่วยกันดูแลรักษามานาน และล่าสุด มีการตกลงจ่ายเงินไปแล้วจำนวนกว่า 1.5 แสนบาท เพื่อแลกกับการตัดไม้ในป่าชุมชน แต่ไม่ได้ขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้ วอนเจ้าหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี
           ด้านนายวัชรา แก้วสุวรรณ ผอ.ส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวแม้จะเป็นป่าชุมชน แต่การเข้าไปตัดไม้หวงห้ามในป่าชุมชนทุ่งสูงนั้นถือว่ามีความผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ และที่ผ่านมา ไม่มีการอนุญาตให้ผู้ใดตัด แม้จะมีการประชุมลงมติก็ตาม เพราะป่าชุมชนก็อยู่ในเขตป่าสงวนต้องได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ ส่วนเบาะแสผู้กระทำผิดที่ชาวบ้านให้ข้อมูลนั้น ต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


ข้อมูลจาก.. ASTV Manager ภาคใต้

ททท.กระบี่ลุยโรดโชว์ชายแดนใต้-มาเลเซีย หวังดึงนักท่องเที่ยวเข้าพักช่วงโลว์ซีซัน



ททท.สำนักงานกระบี่ นำสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.กระบี่ สมาคมโรงแรมจังหวัดกระบี่ ตะลอนทัวร์ชายแดนใต้ และประเทศมาเลเซีย หวังดึงนักท่องเที่ยวเยือนกระบี่เพิ่มขึ้นในช่วงกรีนซีซัน
       
       วันที่ 16 ก.ค.56 นางวิยะดา ศรีรางกูล ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกระบี่ เปิดเผยว่า จังหวัดกระบี่ เป็นจังหวัดท่องเที่ยวแถบชายฝั่งทะเลอันดามัน ในช่วงระหว่างเดือนมิถุนายน-ตุลาคม ของทุกปี จะเป็นช่วงฤดูมรสุม หรือเป็นช่วง Green Season ซึ่งบางครั้งก็มีฝนตก แต่บางวันอากาศแจ่มใส สามารถเดินทางท่องเที่ยวทะเลได้ตามปกติ อาจจะพูดได้ว่า เป็นช่วงที่ให้ธรรมชาติได้พักฟื้นตัวเอง เพื่อเตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวจำนวนมากในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซัน) แต่นี่ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปก็คือ ช่วง Green Season นี้ ราคาที่พักจะลดลงประมาณ 50%
       
       ผอ.ททท.สำนักงานกระบี่ กล่าวอีกว่า ในช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่บรรดาผู้ประกอบการฯ จะออกไปหาตลาดใหม่ๆ มาเสริม ทั้งนี้ ททท.สำนักงานกระบี่ ร่วมกับ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยว และสมาคมโรงแรมจังหวัดกระบี่ ได้นำคณะผู้ประกอบการฯ จำนวน 29 ราย ออกเดินสายไปร่วมงานส่งเสริมการขายทั้งใน และต่างประเทศ ได้แก่ งานเที่ยวไทย 5 ภาค ที่หาดใหญ่ จ.สงขลา ระหว่างวันที่ 12-14 กรกฎาคม 2556 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการต้อนรับจากชาวใต้ค่อนข้างดีมาก เนื่องจากนักท่องเที่ยวสามารถขับรถมาเที่ยวได้ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
       
       นอกจากนี้ ทางคณะฯ ได้เดินทางต่อไปยังเมืองปีนัง และกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อไปพบปะเจรจาธุรกิจกับผู้แทนบริษัทนำเที่ยวกว่า 200 บริษัท ในวันที่ 15 และ 16 กรกฎาคม ตามลำดับ เนื่องจากในห้วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวมาเลเซียเดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดกระบี่ เพิ่มมากขึ้น จาก 76,455 คน ในปี 2554 เป็น 91,595 คนในปี 2555 เพิ่มขึ้นถึง 17% ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมเดินทางโดยเครื่องบิน เนื่องจากมีเที่ยวบินตรงจากกัวลาลัมเปอร์-กระบี่
       
       ประกอบกับในปีนี้ ทางสายการบินแอร์ เอเชีย ได้เพิ่มเที่ยวบินเป็นวันละ 2 เที่ยวบิน ทำให้จำนวนที่นั่งเพิ่มเป็น 10,920 ที่นั่งต่อเดือน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวมาเลเซีย สามารถเดินทางเข้ามายังกระบี่ได้สะดวกขึ้น สำหรับตลาดมาเลเซียเป็นตลาดระยะใกล้ที่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี การเดินทางสะดวกทั้งทางเครื่องบิน และทางรถยนต์ จะช่วยเติมเต็มในช่วง Green Season ของจังหวัดกระบี่ได้เป็นอย่างดี
       
       นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ เปิดเผยด้วยว่า นอกจากทางสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ และสมาคมโรงแรมจังหวัดกระบี่ จะเดินทางไปโรดโชว์จังหวัดชายแดนใต้ และประเทศมาเลเซียแล้ว ก็ยังมีแผนเดินทางไปโรดโชว์ที่ภาคกลาง ที่กรุงเทพมหานคร และสุโขทัย และหลังจากนั้น ก็จะเดินสายต่อไปยังภาคเหนือที่ลำปางและจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่ระหว่างวันที่ 18-23 ส.ค.56 เพื่อเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวให้เดินทางมาท่องเที่ยวกระบี่เพิ่มมากขึ้น
       
       อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ทางผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ มีโปรโมชันลดสุดๆ สูงถึง 50% เป็นแรงจูงใจ คาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวอย่างแน่นอน เพราะในรอบปีมีเพียงครั้งเดียว และขอฝากไปยังผู้ประกอบการทุกภาคส่วนให้ต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยความเป็นมิตร อย่ามองนักท่องเที่ยวเป็นเหยื่ออย่างเด็ดขาด


ข้อมูลจาก.. ASTV Manager ภาคใต้

วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

อบจ.กระบี่ทุ่ม 18.5 ล้านขุดลอกร่องน้ำเกาะลันตาแก้ปัญหาแพขนานยนต์



อบจ.กระบี่ ทุ่มงบ 18.5 ล้านบาท ขุดลอกร่องน้ำช่วงหัวหิน-คลองหมาก อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ แก้ปัญหาแพขนานยนต์ให้บริการ ปชช. และ นทท.ล่าช้า รับไฮซีซัน

             นายกิตติชัย เอ่งฉ้วน รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวอันดามัน การขุดลอกร่องน้ำบริเวณท่าเทียบแพขนานยนต์ข้ามฟากระหว่างบ้านหัวหิน ต.เกาะกลาง ไปยังบ้านคลองหมาก ต.เกาะลันตาน้อย อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ว่า ขณะนี้โครงการดังกล่าวมีการดำเนินการคืบหน้าไปมากแล้วกว่า 30% โดย อบจ.กระบี่ได้รับงบพัฒนาจังหวัด จากกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน จำนวน 18.5 ล้านบาท ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2556 สิ้นสุดโครงการวันที่ 12 ตุลาคม 2556 ดำเนินงานโดยบริษัท อินเทนซีฟ เมคคานิคส์ จำกัด ขณะนี้ดำเนินโครงการไปแล้วกว่า 30%
      
       รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ กล่าวอีกว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ โดยนายสมศักดิ์ กิตติธรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ ได้พยายามผลักดันให้มีการแก้ไขปัญหาแพขนานยนต์เกยตื้น และชนโขดหิน เนื่องจากแพขนานยนต์เป็นแพขนาดใหญ่ ในช่วงน้ำลงต่ำสุดไม่สามารถจอดเทียบท่าได้ ส่งผลให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวผู้ใช้บริการไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทางสัญจรไปมา ซึ่งทาง อบจ.กระบี่ ได้เคยตั้งงบประมาณ จำนวน 2 ล้านบาท มาเพื่อดำเนินการขุดลอกร่องน้ำมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่เพียงพอ จึงขอรับการสนับสนุนจากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันมาดำเนินการต่อเนื่องจากโครงการของ อบจ.กระบี่
          สำหรับโครงการฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวอันดามัน การขุดลอกร่องน้ำบริเวณท่าเทียบแพขนานยนต์ข้ามฟากระหว่างบ้านหัวหิน ต.เกาะกลาง ไปยังบ้านคลองหมาก ต.เกาะลันตาน้อย อ.เกาะลันตา จะดำเนินการขุดโขดหินใต้น้ำตลอดระยะเส้นทางเดินแพขนานยนต์ และบริเวณท่าเทียบแพขนานยนต์ทั้ง 2 ฝั่ง โดยใช้แพขนานยนต์ 2 ลำ รถแบ็กโฮ 4 คัน คาดว่าหลังจากดำเนินโครงการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะแก้ปัญหารถติดในช่วงเร่งด่วน หรือช่วงน้ำลดลงต่ำสุดก่อนลงแพขนานยนต์ไปได้ ทำให้การเดินทางมีความสะดวกปลอดภัย และรวดเร็วยิ่งขึ้น แพขนานยนต์ขนาดใหญ่เทียบท่าได้ตลอดเวลา
      
       “ปัญหาความล่าช้าของการเดินทางของนักท่องเที่ยว และประชาชนชาวเกาะลันตา ระหว่างเกาะลันตา และตัวเมืองจังหวัดกระบี่ ก็จะหมดไป ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวเกาะลันตา ในช่วงของการเปิดไฮซีซันที่จะถึงประมาณปลายเดือนตุลาคมนี้ ก็จะมีความสะดวกสบายเพิ่มขึ้น พร้อมกันนี้ ทาง อบจ.กระบี่ ได้กำชับให้บริษัทเอกชนผู้รับสัมปทานแพขนานยนต์ข้ามฟากให้บริการประชาชนา และนักท่องเที่ยวตามระเบียบที่ระบุไว้ในสัญญาอย่างเคร่งครัดนายกิตติชัยกล่าว
           นายกิตติชัย ยังได้กล่าวถึงกรณีที่มีการร้องเรียนการบริการของแพขนานยนต์เกาะลันตา และขอให้มีการยกเลิกสัมปทานนั้น ว่า อบจ.กระบี่ ได้อนุญาตสัมปทานการให้บริการเดินแพขนานยนต์ข้ามฟากแก่บริษัทเอกชนเป็นเวลา 15 ปี และจะหมดอายุสัญญาในปี 2560 และไม่สามารถยกเลิกสัญญาได้ เนื่องจากผู้รับสัมปทานยังไม่ทำผิดเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญา ส่วนการที่ อบจ.ได้ให้สัญญาระยะยาวนั้นเนื่องจากการดำเนินการกิจการแพขนานยนต์ต้องใช้เงินลงทุนสูง หากให้เวลาในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก็จะไม่มีเอกชนสนใจสัมปทานเนื่องจากไม่คุ้มค่าการลงทุน


ข้อมูลจาก.. ASTV Manager ภาคใต้

ศูนย์มานุษยฯ จับมือสถาบันวิจัยจุฬาฯ จัดโครงการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเล จ.กระบี่



 ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)ร่วมกับสถาบันวิจัยสังคมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลงพื้นที่เกาะลันตา จ.กระบี่ ขับเคลื่อนนโยบายการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเล ตาม มติ ครม.
      
       วันที่ 15 ก.ค.56 น.ส.ประภัสสร โพธิ์ศรีทอง ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เปิดเผยว่า ทางศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) ร่วมกับสถาบันวิจัยสังคมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนนโยบายการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเล ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 53 จัดขึ้น ณ โรงแรมลันตา แซนด์ รีสอร์ท แอนด์สปา อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ระหว่างวันที่ 10-11 กรกฎาคม 56 ที่ผ่านมา
      
       พร้อมได้ลงพื้นที่สำรวจชุมชนชาวเลบ้านโต๊ะบาหลิว บ้านในไร่ บ้านสังกะอู้ ต.ศาลาด่าน บ้านคลองดาว ตำบลเกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ รวม 422 ครัวเรือน ประชากร 1,790 คน ซึ่งส่วนใหญ่พบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย ระบบสาธารณูปโภค เช่น ค่าไฟแพง พื้นที่ทำกิน และพื้นที่ทางจิตวิญญาณที่ถูกนายทุนบุรุกครอบครอง และปัญหาสิทธิขึ้นพื้นฐาน ขาดการศึกษา เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแนวนโยบายในฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเล ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.53
      
       โดยมีประเด็นเกี่ยวกับการสร้างความมั่นคงด้านที่ดินที่อยู่อาศัยที่ดินทำกิน การสร้างความมั่นคงในอาชีพประมงแบบดั้งเดิม และการผ่อนปรนพิเศษ การช่วยเหลือด้านสาธารณสุข การแก้ไขปัญหาสัญชาติ การส่งเสริมด้านการศึกษา การแก้ปัญหาอคติทางชาติพันธุ์ และมองชาวเลอย่างมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ การส่งเสริมด้านภาษา และวัฒนธรรมท้องถิ่น และอื่นๆ ภายใต้มาตรการฟื้นฟูระยะยาว 1-3 ปี ซึ่งได้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำหลักการ และแนวนโยบายดังกล่าวไปปรับใช้แล้วในช่วงที่ผ่านมา
      
       อย่างไรก็ตาม การดำเนินการยังพบปัญหา และอุปสรรคบางประการ ทั้งด้านการรับรู้ และความเข้าใจในเจตนารมณ์ของมติ ครม. ทางศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) จึงได้ร่วมกับสถาบันวิจัยสังคมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการขึ้น เพื่อขับเคลื่อนนโยบายการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเลระดับจังหวัด และผู้แทนชาวเล เพื่อให้เจ้าหน้าที่ และภาคีเครือข่ายสามารถปรับตัวทันกับสถานการณ์ และร่มกำหนดทิศทางขับเคลื่อนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวเลไปพร้อมกัน ตลอดจนการผลักดันให้สามารถนำมติ ครม.ไปใช้ในทางปฏิบัติการได้จริงในพื้นที่


ข้อมูลจาก.. ASTV Manager ภาคใต้

วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2556

มูลนิธิรักษ์ไทยหนุนงบสร้างบ้านปลาที่กระบี่ เพิ่มปริมาณสัตว์น้ำ



มูลนิธิรักษ์ไทย หนุนงบ 2.3 แสน สร้างบ้านปลา เพิ่มปริมาณสัตว์น้ำพื้นที่ชายฝั่งอ่าวเขาคราม หลังพบปริมาณสัตว์น้ำลดลงจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ และการใช้เครื่องมือผิดประเภท
          เวลา 13.00 น. วันที่ 3 เม.ย.56 ที่ท่าเทียบเรือบ้านไหนหนัง ม.3 ต.เขาคราม อ.เมือง จ.กระบี่ กลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่งบ้านไหนหนัง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิรักษ์ไทย ได้ช่วยกันลำเลียงท่อซีเมนต์ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 70 เซนติเมตร ลงเรือเพื่อนำไปสร้างบ้านปลา ที่ปากอ่าวบ้านไหนหนัง เพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำวัยอ่อน กำหนดวาง จำนวน 7 จุด จุดละ 20 ลูก โดยจุดแรกได้นำไปวางที่บริเวณแหลมท้ายแรด
            นายดลหล้อ เหมพิทักษ์ ประธานกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่งบ้านไหนหนัง กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์การประกอบอาชีพชายฝั่งขนาดเล็กของชาวประมงในพื้นที่อ่าว ต.เขาคราม กำลังประสบกับปัญหาการทำประมงอย่างหนัก เนื่องจากปริมาณสัตว์น้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่ชาวประมงเคยจับสัตว์น้ำชายฝั่งน้ำตื้นได้ครั้งละมากๆ ก็ต้องออกไปจับสัตว์น้ำในพื้นที่ไกลมากขึ้น ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุทางทะเลจากคลื่นลมแรง และต้องใช้ต้นทุนที่สูงกว่าเดิมอีกด้วย
          นายดลหล้อ กล่าวอีกว่า จากการสังเกตของชาวประมงพบว่า ปริมาณสัตว์น้ำชายฝั่งและการทำประมงในพื้นที่กำลังถูกคุกคามจากสถานการณ์การต่างๆ ทั้งจากการกระทำของคน เช่น การเข้ามาทำประมงพาณิชย์ชายฝั่ง การพัฒนาเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพจับสัตว์น้ำได้ปริมาณที่มากขึ้นเพื่อป้อนความต้องการของตลาด การจับปลาที่ไม่ได้ขนาดตัดวงจรพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ของสัตว์น้ำ การใช้ช่องโหว่ของกฎหมายประดิษฐ์เครื่องมือทำลายล้างต่างๆ เพื่อให้สามารถจับได้มากขึ้น และที่สำคัญยังพบว่า สภาพอากาศที่ร้อนขึ้นยังได้ส่งผลต่อสัตว์น้ำเช่นเดียวกัน
           ดังนั้น เพื่อเป็นการเพิ่มปริมาณสัตว์น้ำในอ่าวไหนหนัง ต.เขาคราม ให้มีความชุกชุมอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ทางกลุ่มฯ ได้ทำโครงการบ้านปลา โดยการนำท่อซีเมนต์ไปวางใต้ท้องทะเล รวมจำนวน 7 จุด ประกอบด้วย บริเวณหินใบ 2 จุด แหลมท้ายแรด เกาะนุ้ย เกาะเต่า เกาะทราย เกาะสี่เหร่ แห่งละ 1 จุด เพื่อให้เป็นที่อาศัยของปลา และฟักตัวในวัยอ่อน และในอนาคตคาดว่าบริเวณดังกล่าวจะเป็นจุดศึกษาระบบนิเวศใต้ท้องทะเลอีกจุดหนึ่ง สำหรับงบประมาณในการดำเนินงานทางกลุ่มฯ ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิรักษ์ไทย เป็นเงิน จำนวน 2.3 แสนบาท
โดย.. ASTV Manager ภาคใต้

วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ร่มผ้าใบ เก้าอี้โผล่เต็มหาดอ่าวนาง ผู้ประกอบการฉวยโอกาส ทำลายบรรยากาศท่องเที่ยวกระบี่


นายกสมาคมธุรกิจโรงแรมจังหวัดกระบี่ เผยท่องเที่ยวโตเกินคาด อัตราจองที่พักทะลุเป้า ซัดพวกฉวยโอกาสทำลายทัศนียภาพ ตั้งร่มผ้าใบ เก้าอี้ตลอดแนวหาดอ่าวนาง เพื่อหากินกับนักท่องเที่ยว
      
       วันที่ 22 ก.พ.56 นายเอกวิทย์ ภิญโญธรรมโนทัย นายกสมาคมธุรกิจโรงแรมจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวปีนี้ แม้นักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้ามาช้ากว่าทุกปี แต่จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางที่เข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดกระบี่นั้นมีจำนวนมากขึ้น ซึ่งสามารถดูได้จากยอดการจองห้องพักย่านแหล่งท่องเที่ยว ตอนนี้เต็มทั้งหมด เพราะสถานการณ์บ้านเมืองในปีนี้ค่อนข้างนิ่ง ประกอบกับภัยธรรมชาติก็มีน้อย ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทย และจังหวัดกระบี่เป็นจำนวนมากกว่าปีที่ผ่านมา
      
       ทั้งนี้ นายกสมาคมธุรกิจโรงแรมจังหวัดกระบี่ กล่าวต่อว่า เมื่อนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น ผู้ประกอบการบางรายก็เริ่มฉวยโอกาสละเมิดกฎระเบียบ ไม่สนใจประกาศของจังหวัดกระบี่ ซึ่งจะทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่เสียไปด้วย โดยเฉพาะตามแนวชายหาดอ่าวนาง ต.อ่าวนาง จ.กระบี่ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังนั้น ตลอดระยะทางประมาณ 500 เมตร ได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการท่องเที่ยวว่า บริเวณดังกล่าวมีการนำร่มผ้าใบ และเก้าอี้นอนพลาสติกมาวางรุกล้ำตลอดแนวชายหาดจำนวนมาก เพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวได้นั่งพักผ่อนอาบแดด รวมทั้งมีบริการนวด
      
       “การกระทำดังกล่าวเป็นการทำลายทัศนียภาพการท่องเที่ยว ทั้งนี้ หลายปีก่อนผู้ประกอบการก็ให้ความร่วมมืออย่างดี โดยได้มีการพูดคุยระหว่างสมาคมโรงแรม สมาคมธุรกิจท่องเที่ยว รวมถึงผู้ประกอบการ และจังหวัดกระบี่ ต่างมีความเห็นตรงกันว่า ชายหาดทุกหาดของจังหวัดจะไม่มีเตียงผ้าใบ และร่มชายหาดให้บริการนักท่องเที่ยว ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เตียง และร่มทำลายทัศนียภาพของชายหาดที่สวยงาม แต่มาปีนี้มีพบว่า มีร่มชายหาด และเตียงผ้าใบเกิดขึ้นบนชายหาดอีกครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ผู้ประกอบการไม่ยึดถือกติกานายเอกวิทย์กล่าว
      
       ด้านผู้ประกอบการท่องเที่ยวบริเวณชายหาดอ่าวนางรายหนึ่ง กล่าวว่า บริเวณที่มีการวางร่มผ้าใบนั้นอยู่ใกล้หาดคลองจาก ซึ่งเป็นที่ดินของเอกชนผู้กว้างขวางรายหนึ่งของจังหวัดกระบี่ โดยที่ผ่านมา ได้อ้างว่าเป็นที่ดินส่วนบุคคลสามารถทำอะไรก็ได้ ดังนั้น หากทางจังหวัดยังไม่ดำเนินการจัดระเบียบอย่างจริงจัง ทางผู้ประกอบการรายอื่นๆ ก็จะนำร่มผ้าใบมาวางตามแนวชายหาดด้วยเช่นกัน เพราะทุกคนก็อยู่ภายใต้กติกาเดียวกัน
      
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับจังหวัดกระบี่ ได้มีการประกาศไว้เมื่อประมาณ ปี พ.ศ.2536 ว่า ทุกชายหาดแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดกระบี่ จะต้องไม่มีสิ่งปลูกสร้าง เช่น เตียงผ้าใบ ร่มชายหาด วางรุกดล้ำอย่างเด็ดขาด ซึ่งได้มีการถือปฏิบัติกันมาอย่างยาวนานหลายสิบปีเพื่อรักษาสภาพแวดล้อมแหล่งท่องเที่ยว เพราะกระบี่มีจุดขายความเป็นธรรมชาติชายหาดที่สวยงาม แต่ยังมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นมาอีก ซึ่งทางจังหวัดจะต้องเร่งออกมาแก้ไขอย่างเร่งด่วน
โดย.. ASTV Manager ภาคใต้

เจ้าหน้าที่อุทยานที่กระบี่เข้ารื้อถอนต้นปาล์มเนื้อที่กว่า 23 ไร่


อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี สนธิกำลังเข้ารื้อถอนต้นปาล์มน้ำมัน เนื้อที่กว่า 23 ไร่ หลังถูกนายทุนบุกรุกปลูกในเขตอุทยานหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ เพื่อครอบครอบที่ดิน หน.อุทยานฯ เผยปัจจุบันที่ดินใกล้แหล่งท่องเที่ยวมีมูลค่าสูงถึงไร่ละ 10-30 ล้านบาท เป็นที่ต้องการของนายทุน
           เมื่อเวลา 11.00.วันที่ 22 ก.พ.56  นายไชยธัช บุญภูพันธ์ตันติ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี สนธิกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานกว่า 20 นาย เข้ารื้อถอนต้นปาล์มน้ำมัน อายุประมาณ 5 ปี จำนวน 101 ต้น ที่มีการลักลอบบุกรุกปลูกในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวนาง และป่าหางนาค ริมถนนทางไปหาดท่าคลอง หมู่ที่ 6 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เนื้อที่ 23 ไร่ โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการตัดฟันต้นปาล์ม และราดยาฆ่าตอเพื่อให้ต้นปาล์มน้ำมันตาย และจัดเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนป้องกันการเข้าบุกรุกใหม่
          นายไชยธัช กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ดังกล่าวเป็นเส้นทางไปยังชายหาดท่าคลอง อยู่ฝั่งตรงข้ามหาดนพรัตน์ธารา แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดกระบี่ เมื่อปี พ.ศ.2549 ได้รับแจ้งว่า มีนายทุนเข้าบุกรุกปลูกปาล์มน้ำมัน โดยการเซาะร่องป่า แล้วนำต้นปาล์มน้ำมันไปปลูกทิ้งไว้ เพื่อต้องการครอบครองพื้นที่ และขายต่อให้นายทุน หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการตรวจยึดพื้นที่ และติดประกาศตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 ตั้งแต่กลางปี 2555 เพื่อให้ผู้อ้างเป็นเจ้าของที่ดินนำเอกสารสิทธิมาแสดงตัว จนกระทั่งครบกำหนด ปรากฏว่า ไม่มีผู้ใดมาแสดงตัว จึงได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ทำการรื้อถอนดังกล่าว และจะทำการฟื้นฟูกลับสู่สภาพป่าต่อไป
โดย.. ASTV Manager ภาคใต้